“ลูทวิช ฟาน เบทโฮเฟิน” หรือ “เบโธเฟน” คือหนึ่งในคีตกวีชื่อก้องคนหนึ่งของโลกที่แม้จะมีปัญหาทางการได้ยิน แต่ก็ใช้ความสามารถทิ้งผลงานระดับมาสเตอร์พีซจำนวนมากไว้ให้อนุชนรุ่นหลัง ไม่ว่าจะเป็นซิมโฟนีและคอนแชร์โตหมายเลขต่าง ๆ
เบโธเฟนเสียชีวิตในวันที่ 26 มี.ค. 1827 หรือเมื่อเกือบ 200 ปีที่แล้ว ด้วยอายุ 56 ปี หลัการเสียชีวิตได้มีการชันสูตรศพ และพบว่า ตับของเขามีภาวะตับแข็งและหดตัวอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม สาเหตุการป่วยของเขากลับไม่เป็นที่แน่ชัด จนเกิดหลายทฤษฎีที่ไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่า เขาป่วยด้วยโรคตับจากสาเหตุใดกันแน่ ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ติดไวรัสตับอักเสบ หรือถูกวางยา?
ก่อนเสียชีวิต เบโธเฟนเคยเขียนจดหมายถึงน้องชายสองคน คือคาร์ล และโยฮันน์ โดยมีถ้อยความหนึ่งสั่งเสียว่า ขอให้มีการศึกษาโรคที่เขาป่วยเพื่อให้โลกได้เข้าใจ ซึ่งจดหมายนี้ภายหลังถูกเรียกว่า “พินัยกรรมไฮลิเกนสตัดท์”
ล่าสุด ทีมนักวิจัยซึ่งนำโดย ทริสทาน เบ็กก์ จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ได้ทำการศึกษา “เส้นผม” ของเบโธเฟนที่เขาหลงเหลือไว้ โดยเป็นครั้งแรกที่มีการจัดลำดับพันธุกรรมเส้นผมของเบโธเฟน เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดของเขาตามคำสั่งเสีย
โยฮานเนส เคราส์ จากสถาบันมักซ์พลังค์ ประเทศเยอรมนี หนึ่งในทีมวิจัย กล่าวว่า “เป้าหมายหลักของเราคือการให้ความกระจ่างเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของเบโธเฟน รวมถึงปัญหาการสูญเสียการได้ยินขั้นรุนแรงที่เขาเริ่มมีตั้งแต่ช่วงอายุ 20 กลางถึงปลาย และในที่สุดเขาก็หูหนวกในปี 1818”คำพูดจาก สล็อต888
ทีมนักวิจัยได้ทำการศึกษากลุ่มเส้นผม 8 กลุ่มที่เชื่อว่าเป็นของเบโธเฟน และพบว่ามีกลุ่มหนึ่งเสียหายเกินกว่าจะพิสูจน์ทราบได้ว่าเป็นของใคร และเส้นผมอีก 2 กลุ่มไม่ใช่ของเขา โดยหนึ่งในนี้เป็นของผู้หญิง และมีเส้นผมเพียง 5 กลุ่มเท่านั้นที่เป็นของคน ๆ เดียวกัน โดยเป็นของชายชาวยุโรปที่มีเชื้อสายเยอรมัน
นักวิทย์พบหลักฐานเพิ่ม “ชีวิตบนโลก” แท้ที่จริงมาจากนอกโลก?
นักวิทย์เชื่อพบ “เชื้อราซอมบี้” สายพันธุ์ใหม่ ในป่าฝนบราซิล
หนึ่งในเส้นผมที่เป็นของชายชาวยุโรปนั้น พบในจดหมายที่เบโธเฟนมอบให้สหายนักเปียโน แอนตัน ฮาล์ม ซึ่งเบโธเฟนเคยบอกฮาล์มไว้ว่า “นี่คือเส้นผมของฉัน” ทำให้พอจะยืนยันได้ว่า นี่เป็นเส้นผมของคีตกวีผู้ยิ่งใหญ่จริง ๆ
นอกจากนี้ ในจำนวนเส้นผมดังกล่าวมีที่ถูกตัดมาในช่วง 7 ปีก่อนวาระสุดท้ายของเขาด้วย
ผลการศึกษาเส้นผมที่เป็นของผู้หญิงยังพบว่าเธอได้รับพิษจากสารตะกั่ว เป็นการไขปริศนาไปโดยปริยายว่า ทฤษฎีที่ว่าเบโธเฟนถูกวางยาพิษมาจากไหน
ส่วนเส้นผมที่เป็นของเบโธเฟนนั้น เคราส์กล่าวว่า “เราไม่สามารถหาสาเหตุที่ชัดเจนสำหรับอาการหูหนวกหรือปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารของเบโธเฟนได้ อย่างไรก็ตาม เราพบ ‘ปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรม’ ที่สำคัญหลายประการที่นำไปสู่โรคตับ”
เขาเสริมว่า “เรายังพบหลักฐานของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในช่วงหลายเดือนก่อนที่เขาจะป่วยระยะสุดท้ายด้วย สิ่งเหล่านี้น่าจะมีส่วนทำให้เขาเสียชีวิต”
ข้อมูลทางพันธุกรรมของเบโธเฟนยังช่วยนักวิจัยในการตัดสาเหตุที่เป็นไปได้อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น โรคโรคเซลิแอค (Celiac), ภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง, การแพ้แลคโตส หรือภาวะลำไส้แปรปรวน
เบ็กก์ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมวิจัยบอกว่า แม้จะบอกได้ยากว่าเขาดื่มไปเท่าไร แต่เพื่อนสนิทคนหนึ่งเขียนว่า บีโธเฟนกินไวน์อย่างน้อยหนึ่งลิตรพร้อมอาหารกลางวันในแต่ละวัน
ดังนั้นแล้ว การดื่มแอลกอฮอล์บวกกับปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมสำหรับโรคตับและการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้สุขภาพของเบโธเฟนทรุดหนักในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตนั่นเอง
เบ็กก์กล่าวว่า “หากเขาดื่มหนักมากพอในระยะเวลาที่นานพอ จนกระตุ้นปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมของเขา น่าจะเป็นคำอธิบายที่เป็นไปได้ที่ทำให้เขาเกิดโรคตับแข็ง”
ทีมวิจัยได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากโครงการคลังข้อมุลชีวภาพของสหราชอาณาจักร และพบว่า ผู้ชายที่มีอายุใกล้เคียงกับเบโธเฟนและมีปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมและการดื่มแอลกอฮอล์ที่หนักเหมือนกัน มีถึง 1 ใน 5 ที่ป่วยเป็นโรคตับแข็ง
ทีมนักวิจัยบอกว่า การวิจัยในอนาคตอาจสามารถเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น รวมถึงสาเหตุที่ทำให้เขาสูญเสียการได้ยินด้วย
เรียบเรียงจาก CNN / The Guardian
ภาพจาก CNN